ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมายาวนานในหมู่นักลงทุนชาวไทย เพราะมีคุณสมบัติในการรักษามูลค่าได้ดี ทนทานต่อเงินเฟ้อ และเป็นทรัพย์สินที่ถือครองง่าย แม้ในยามวิกฤตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องตัดสินใจซื้อทองคำ หลายคนมักลังเลระหว่าง “ทองคำแท่ง” กับ “ทองรูปพรรณ” เพราะทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันชัดเจน หากเข้าใจข้อแตกต่างเหล่านี้ได้ชัดเจนก็จะช่วยให้เลือกซื้อได้อย่างเหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคนมากยิ่งขึ้น
ทองคำแท่งเหมาะกับการลงทุนโดยตรง เพราะไม่มีค่ากำเหน็จ ราคาซื้อขายอิงตามราคาตลาดอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไรในระยะสั้นหรือเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ระยะยาวเพื่อต่อยอดกำไร ทองคำแท่งมักมีขนาดตั้งแต่ 1 บาท 5 บาท 10 บาท หรือมากกว่านั้น ทำให้การซื้อขายครั้งหนึ่งอาจใช้เงินจำนวนมาก แต่ก็มีความคล่องตัวสูงในแง่ของการแปรสภาพเป็นเงินสดได้ง่ายกว่า หากเลือกซื้อจากร้านทองที่มีใบรับรองมาตรฐานหรือแบรนด์ที่เชื่อถือได้ โอกาสขายคืนในราคาสูงจะเพิ่มขึ้นด้วย
ในขณะที่ทองรูปพรรณเน้นฟังก์ชันของ “การสวมใส่” และ “ความสวยงาม” มากกว่าการลงทุนโดยตรง ถึงแม้ว่าจะสามารถขายคืนได้ แต่จะถูกหักค่ากำเหน็จและค่าเสื่อมสภาพเมื่อมีรอยขีดข่วนหรือชำรุดจากการใช้งานจริง ซึ่งค่ากำเหน็จนี้อยู่ที่ประมาณ 300-800 บาทต่อชิ้น หรือมากกว่านั้นตามน้ำหนักและลวดลาย การขายคืนทองรูปพรรณจึงมักได้ราคาน้อยกว่าทองคำแท่ง แม้จะซื้อมาพร้อมกันก็ตาม อย่างไรก็ตาม ทองรูปพรรณยังคงเป็นที่นิยมเพราะสามารถใช้งานได้ทั้งในฐานะเครื่องประดับและทรัพย์สินในเวลาเดียวกัน
ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือจุดประสงค์ของผู้ซื้อ หากคุณต้องการทองคำเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ ทองคำแท่งคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่มีค่ากำเหน็จ และราคาซื้อขายใกล้เคียงกับราคาทองในตลาดโลก ทำให้สามารถขายทำกำไรได้ง่ายเมื่อราคาทองขยับขึ้น แต่หากคุณมองเรื่องของความสวยงาม หรืออยากให้ทองมีคุณค่าทางจิตใจและใช้ในชีวิตประจำวัน ทองรูปพรรณก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน แม้อาจไม่คุ้มค่าด้านกำไรเมื่อเทียบกับทองแท่ง แต่ก็มีคุณค่าที่จับต้องได้ในมุมของความรู้สึก
อีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามคือสภาพเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น หากมีสัญญาณของเงินเฟ้อ ราคาทองมักจะขยับตัวสูงขึ้น และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การถือทองคำแท่งไว้ในพอร์ตการลงทุน ในขณะเดียวกัน หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอย การซื้อทองรูปพรรณเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องประดับหรือของขวัญก็จะกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น
แม้ทองคำทั้งสองรูปแบบจะมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็สามารถสร้างมูลค่าในระยะยาวได้หากมีการวางแผนที่ดี ความเข้าใจในลักษณะของทองที่ต้องการซื้อคือกุญแจสำคัญ ไม่ใช่แค่ซื้อตามกระแส แต่ต้องพิจารณาถึงเป้าหมายและความเหมาะสมของตนเอง
สรุปว่าทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ แบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน
หากคุณต้องการเน้นลงทุน เก็งกำไร หรือเก็บสะสมระยะยาว ทองคำแท่งคือคำตอบที่ให้ผลตอบแทนชัดเจนและค่าธรรมเนียมต่ำ แต่หากคุณต้องการความสวยงาม ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และให้คุณค่าทางจิตใจ ทองรูปพรรณก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมไม่แพ้กัน สุดท้ายแล้วการเลือกซื้อทองที่ดีต้องสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนจึงจะคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว